มัสยิด อั้ล อันซอร (ต้นเกตุ)  : เลขที่ 3 หมู่ 11 ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์

ปี พ.ศ. 2502 มีพี่น้องมุสลิมจากหลายจังหวัดได้อพยพมา ซื้อที่ดินทำไร่ และทำสวน ที่ต้นเกด ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์  ซึ่งจังหวัดนครนายกมีฮัจยีหวัง  ทรงศิริ  ฮัจยีวาฮับ เฟ็นดี้ และนายอับดุลเราะมาน  มะณี และญาติ นนทบุรี มีนายรอมลี  ราชเสวี และญาติ กรุงเทพมหานคร มีนายยูซบ  ดำรงศักดิ์  ครูกอเซ็ม ดำรงศักดิ์ และนายหวัง   มานเมาะ  พร้อมญาติ
พี่น้องอีกหลายครัวเรือน ซึ่งอยู่กระจายตามหมู่บ้านต่าง ๆ ถึง  5 หมู่บ้าน พี่น้องมุสลิมสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ มัสยิดที่ทำอิบาดะห์ ต่อพระเจ้า   ซึ่งขณะนั้น ฮัจยีหวัง  ทรงศิริ เป็นอิหม่าม จึงได้คิดสร้างมัสยิดบนเนื้อที่  7 ไร่ ซึ่งอยู่ข้างในพร้อม  กุโบร์ โดยสร้างเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น ทรงปั้นหยา หลังคามุงสังกะสี  กว้าง 6 เมตร  ยาว 9 เมตร ได้จดทะเบียน เลขที่ 3 หมู่ที่  8  ต.ห้วยทราย  อ.เมือง  จ.ประจวบคีรีขันธ์  โดยได้ตั้งชื่อมัสยิดว่า   มัสยิดอัลซอรี่  ซึ่งการสร้างมัสยิดครั้งนี้ทำให้พี่น้องชาวมุสลิมได้มีที่ประกอบพิธีทางศาสนา  เช่นการละหมาด  วันศุกร์ อีดฟิตรีและ อีดอัฎฮา

ปี พ.ศ. 2506  ฮัจยีหวัง ทรงศิริ ได้กลับไปนครนายกบ้านเดิม ตำแหน่งอิหม่ามว่างลง ฮัจยีอารีฟิน  ดำรงศักดิ์  เป็นอีหม่ามแทน

ปี พ.ศ. 2506 ในขณะดำรงตำแหน่ง อีหม่ามได้ปรึกษาผู้ใหญ่ และ  สัปปุรุษ หาซื้อที่ข้างนอกติดเพชรเกษมเพื่อสร้างมัสยิดหลังใหม่แทนหลังเก่าที่คับแคบและไม่เหมาะสม ปลายปี พ.ศ. 2513 มีพี่น้องมุสลิมจาก โรงเรียนสตรีพัฒนศึกษา  ต.เกรอแซะ  อ.เมือง  จ.ปัตตานี  กลับจากนำกอริอะมาประกวดงานเมาลิดกลางที่กรุงเทพฯ ได้เกิดอุบัติเหตุถูกรถชนที่  อ.ทับสะแก เสียชีวิตได้มาฝังที่ กุโบร์ มัสยิดนี้ ซึ่งมี  มัดรอซี  อาเก็บอุไร เจ้าของ  ผู้จัดการโรงเรียนพร้อมกรรมการและนักศึกษารวม 7 ท่าน

ปี  พ.ศ. 2518  อิหม่ามได้ลาออกและให้นายสมหวัง  เฮงโม้ เป็นอีหม่ามแทนและให้ฮัจยีอารีฟีน ดำรงศักดิ์เป็นคอเต็บ

ปี  พ.ศ. 2521  ได้สร้างมัสยิดหลังใหม่ติดถนนเพชรเกษมบนเนื้อที่ 8 ไร่ สร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 9 เมตร   ยาว  18 เมตร จากศิลารากฐานโดยอิหม่ามฮาริส เกียรติธารัย เป็นนายกสมาคมคุรุสัมพันธ์ เมื่อวันอาทิตย์ 20 เมษายน พ.ศ. 2521  โดยได้รับเงินค่าก่อสร้างจาก  ฮัจยีชอุ่ม  อารีย์ จำนวนเงิน 200,000 บาท และได้รับเงินสนับสนุนจากโรงงานยาสูบและพี่น้องที่มีจิตศรัทธาจนมัสยิดได้ทำการสร้างเสร็จ เฉพาะค่าตัวอาคารเข้าทำอิบาดะห์ รวมแล้วค่าใช้จ่ายประมาณ 400,000บาท
  
ปี พ.ศ. 2532  อีหม่ามสมหวัง  เฮงโม้ ได้ลาออกและนายฮัจยี หวังฮามิด เอี่ยมวัน เป็นอิหม่าม ถึงปี 2541อีหม่ามฮัจยี หวังฮามิด เอี่ยมวัน ได้ลาออกเพราะชราภาพและสุขภาพไม่สมบูรณ์  และได้ให้ฮัจยีอารีฟีน ดำรงศักดิ์ ลาออกจากคอเต็บมาเป็นอีหม่ามแทน และให้นายสุเบร นุตโรจน์  เป็นคอเต็บ 

ปี พ.ศ. 2543 ในระหว่างนั้นอิหม่ามคอเต็บ มิหลัน กรรมการมัสยิดและ สัปปุรุษได้ปรึกษาคิดต่อเติมมัสยิดให้สมบูรณ์ โดยต่อปีกทั้งสองข้างทำสโตห์ ทำโรงรถ  ร้านค้า โรงครัว ห้องสุขาชาย 18 ห้อง  ห้อง อาบน้ำ 2 ห้อง พร้อมกอเลาะ และสุขาหญิง 8 ห้อง  ห้องอาบน้ำ  2 ห้อง   มัสยิด อัล-อันซอรมีพี่น้องมุสลิมไปให้บริการอยู่ตลอดเวลา

ปัจจุบันมีประชากรมุสลิม จำนวน 125 ครัวเรือน  435 คน(ชาย 194 คน, หญิง 241 คน) ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 25645